ตะวันส่องแสงจาดจ้าตามมรคาปรายด้วยแดดจรัส บ่งบอกเวลาใกล้เที่ยงสายลมโชยใบยอดกระถินริมรั้วโบกสะบัด ยังไม่อาจกลบเสียงของสองเท้าบนรองเท้าแตะที่ย่างกรายเข้ามา หญิงสูงวัยกับคานหาบที่เต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ เครื่องเคียงและน้ำยา ที่มาพร้อมเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆที่กรูเข้าหา

ใช่แล้ว นั่นคือขนมจีนหาบเร่ เจ้าเก่าเจ้าอร่อยที่แวะเวียนมาบรรจบหน้าบ้านอีกวันหนึ่ง บทสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของหญิงสูงวัยกับเหล่าลูกค้ายังคงกินใจ เธอค่อยๆบรรจงวางคานหาบอันหนักอึ้งลงบนพื้นดิ้นที่กร้านหยาบ

นิ้วมือที่ค่อยๆเลิกผ้าบนกระจาดขึ้นเผยให้เห็นถึงเส้นสีขาวที่เรียงตัวของขนมจีน ละเมียดไปด้วยความน่ากิน ฝาหม้อสแตนเลสที่ถูกเปิดขึ้นเผยให้กลิ่นของน้ำยาที่ปรุงขึ้นแตะจมูกอบอวลไปด้วยความน่าสัมผัสกับรสชาตินี้ หญิงสูงวัยบรรจงวางเส้นลงบนจาน ใส่เครื่องเคียงผักต่างๆและเทน้ำยาลงไป

ขนมจีนหาบเร่ในสมัยนั้นมีราคาอยู่ที่ ราวๆ ถ้วยละ 5 บาท พร้อมฟรีค่าจัดส่งถึงหน้าบ้านแถมบริการเม้าท์เป็นเพื่อนซุปซิปคนข้างบ้าน image ของคนขายมักจะเป็นหญิงวัยกลางคนถึงสูงวัย ใส่หมวกปีกกว้าง ใส่เสื้อนอกแขนยาว สวมส่วนล่วงด้วยผ้าถุง ทำให้เรามักจะติดภาพว่านี่คือยายที่ขายขนมจีนหาบเร่

กระทู้นึงในพันทิปเล่าว่า สมัยเด็กๆ ไปเล่นที่บ้านญาติ เล่นกับญาติรุ่นราวคราวเดียวกันเสียงดังโครมครามจนผู้หลักผู้ใหญ่เขาดุเอาก็มี แต่ถึงดุก็ไม่ดุเปล่านะครับ พอสักบ่ายสามมักจะมีแม่ค้าหาบขนมจีนมาขายในราคาจับละห้าสิบสตางค์เท่านั้น และผู้ใหญ่อนุาตให้กินได้แค่นั้น

ตัวผมเองนั้นไม่มีเงินหรอก แต่ผู้ใหญ่เขาเลี้ยง น้ำยาร้อนๆ แถมผักกินกับขนมจีนคือยอดกระถินสดๆ นั่นแหละ กินไป คุยไป น้ำมูกน้ำลายไหลไป ข้างแม่ค้าก็ถือโอกาสนั่งพักขาไปด้วย พอรับทรัพย์เสร็จก็เก็บม้าเตี้ยใส่หาบแล้วเดินต่อไป.

นึกถึงอดีตสมัยโน้นแล้ว พอเห็นภาพเก่าๆ  เข้า เรียกบรรยากาศเก่าๆ กลับมาอย่างบอกไม่ถูก

นับว่าเป็นอีกหนึ่งบริการที่ทุกวันนี้เหลืออยู่น้อยนิดและค่อนข้างหายากแล้ว ด้วยเทคโนโลยี อายุของคนขาย บ้านเมืองที่มีกฏหมาย หรือปัจจัยอื่นๆ ทำให้ขนมจีนหาบเร่เดลิเวอรี่ เหลือเพียงตำนานที่เล่าขานบอกต่อกันเมื่อไร ก็ทำให้หวนคำนึง ถึงบรรยากาศเมื่อนั้นขึ้นมาเลยทีเดียว

@buriramworld