บุรีรัมย์ - กิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่สุข สมภารแห่งวัดโพธิ์ทรายทอง จังหวัดบุรีรัมย์

ตำนานวาจาสิทธิ์หลวงปู่สุข  สั่งสอนโจร..ริอ่านมาขโมยของในงานวัด!!


ฤทธิ์อภิญญาหลวงปู่สุข  วัดโพธิ์ทรายทอง พระเถราจารย์ผู้มีตบะบารมีแก่กล้า
กิตติคุณความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่สุข สมภารแห่งวัดโพธิ์ทรายทอง จังหวัดบุรีรัมย์  เป็นที่เลื่องลือไปไกล   ยิ่งในช่วงปัจฉิมวัยของหลวงปู่ กล่าวกันว่า

“ลานวัดโพธิ์ทรายทอง ไม่เคยว่างเว้นจากผู้คน”  

นี้ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงบุญบารมีของหลวงปู่สุขที่ท่านได้อบรมสั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติและปัจจุบันสมัย เริ่มแต่หันหน้าเข้าสู่ร่มเงาแห่งพระศาสนา อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ปรากฏนามฉายา ว่า  

“ธัมมะโชโต ซึ่งแปลได้ใจความว่า  ผู้เจริญรุ่งเรืองโชติช่วงในธรรม“  

วันนี้  BURIRAM WORLD จะขอนำเอาเรื่องราวเล่าขานถึงอิทธิปาฎิหาริย์ตบะบารมีหลวงปู่สุข มาเล่าสู่กันฟัง..เพื่อเป็นประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลังผู้ใคร่ต่อการศึกษาเรียนรู้ต่อไป...และเพื่อเป็นเรื่องเตือนสติให้รู้ถึงบาปบุญคุณโทษ ว่ามีอยู่จริง


ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่หลวงปู่สุข  ยังดำรงธาตุขันธ์อยู่  เวลาที่วัดโพธิ์ทรายทอง มีงานบุญ   ลูกศิษย์ลูกหาและพุทธศาสนิกชนมากมายจากทั่วสารทิศต่างพากันเดินทางมาร่วมงานบุญที่วัด   และก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ถนัดและมีความสามารถในด้านต่างๆ  ปวารณาตนช่วยกิจการงานวัดในการบุญแต่ละครั้ง   เพราะด้วยความศรัทธาในบุญบารมีของหลวงปู่สุข  สมภารผู้มีตบะบารมีแก่กล้าแห่งวัดโพธิ์ทรายทอง   กล่าวถึงกลุ่มแม่ครัวจากต่างถิ่นกลุ่มหนึ่ง   เมื่อทราบข่าวว่าที่วัดหลวงปู่มีงานบุญ  ก็ร่วมตัวกันนำข้าวปลาอาหาร เดินทางมาช่วยงานหลวงปู่ที่วัด  ด้วยการเป็นแม่ครัวทำอาหารเลี้ยงแขกในงาน


พอตกเย็นเมื่อถึงเวลาอาบน้ำ   คณะแม่ครัวกลุ่มนี้  ก็พากันเก็บสิ่งของสัมภาระ  กระเป๋าสตางค์และเครื่องใช้สอยต่างๆ กองไว้ร่วมกัน  แล้วก็พากันเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ   เวลาผ่านไปนานพอสมควร เมื่อคณะแม่ครัวพากันอาบน้ำเสร็จ  แล้วกลับมาดูที่เก็บของ  ที่พวกตนได้เก็บไว้  

แต่ปรากฏว่า  (กระเป๋าสตางค์และของมีค่าของทุกคนได้อันตรธานหายไป !!!)
ข่าวโจรขโมยกระเป่าสตางค์ของคณะแม่ครัวกลุ่ม  ได้ยินไปเข้าหูทางคณะกรรมการและผู้ใหญ่บ้าน  ทางคณะกรรมการจึงได้พาคณะแม่ครัวเข้าไปกราบเรียนเรื่องราวให้หลวงปู่สุขทราบ  (แม่ครัวบางคนก็ถึงกับร้องห่ม ! ร้องไห้!   ด้วยทรัพย์สินของตนที่สูญหายไป  ถ้านับรวมสร้อยคอทองคำและเงินสด   ก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย!! )


พอเข้าไปกราบหลวงปู่สุข และเล่าเรื่องให้ท่านทราบ   หลวงปู่ท่านก็เอ๋ยปากบอกว่า  (ของมันไม่หายไปไหนหรอก  มันยังอยู่ในวัดนี้แหละ!!  อย่าร้องไห้ไปเลย )
แล้วหลวงปู่ท่านก็ให้พวกโยมแม่ครัวนำทางท่านไปชี้ที่วางกระเป๋าสตางค์
แล้วหลวงปู่สุขก็เอาฝามือตบลงพื้นอย่างสุดแรง!!  ปากก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดังว่า    (กระเป่ามันไม่ไปไหน    ใครเอาไป   มันต้องเอามาคืน !! )


พอเช้าวันรุ่งขึ้น  ปรากฏว่ามีชาวบ้านต่างถิ่น  มาอยู่ได้กุฎิของหลวงปู่สุข  นั่งกอดกระเป่า  ปากก็เอาแต่ร้องว่า ( เข็ดแล้วๆ   ไม่เอาแล้ว!  ผมกลัวแล้ว!  ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ  )  ชาวบ้านต่างก็พากันมามุงดูหน้า  คณะกลุ่มแม่ครัวที่กระเป่าหาย เมื่อได้ยินข่าวก็รีบพากันมาดู เมื่อเห็นกระเป๋าในมือของหัวขโมย ก็จำได้ทันทีว่านั้น คือกระเป่าของตน


ฝ่ายไอหัวขโมย ก็ยังไม่หยุดบ่นเพ่อ  เหมือนคนเสียสติเป็นบ้า   จนหลวงปู่สุขท่านลงมาดูแล้วเอาน้ำมนต์พรมให้ถึงได้สติ กลับคืน  แล้วโจรนั้นก็ก้มลงกราบขอขมาหลวงปู่  และขอขมาเจ้าทรัพย์   หลวงปู่ท่านก็สั่งสอน ว่า   (ต่อไปนี้อย่าได้คิดทำอีก ทรัพย์สินของใครๆเขาก็ห่วงแหน )  ชาวบ้านที่มามุ่งดู และทางคณะกรรมการต่างก็อยากให้แจ้งตำรวจ  แต่ด้วยเมตตาธรรมของหลวงปู่ท่านจึงไม่ให้แจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด  และท่านคงเห็นว่า  (ไอโจรคนนี้ คงจะเข็ดหลาบไปจนตายแล้วกระมัง)


ส่วนไอ่โจรขโมย เล่าว่า  เมื่อเขาขโมยเอากระเป๋าไปแล้ว  พอเดินออกจากวัด  ปรากฏว่าเป็นป่าทึบ เดินไปทางไหนก็วนกลับมาที่เดิม หาทางออกไม่เจอ!!  ตนเดินอยู่หลายรอบจนเกือบสว่าง  จึงปรากฏมีพระแก่ๆรูปหนึ่งมาบอกว่า ( ให้เอาของไปคืนเจ้าของเขาเสีย!!) แล้วพระรูปนั้นก็เดินหายไป


เรื่องเล่าขานนี้เป็นอีกหนึ่งตำนาน ที่แสดงให้เห็นถึงตบะบารมี และวาจาสิทธิ์ของหลวงปู่สุข  วัดโพธิ์ทรายทอง  ซึ่งท่านเป็นพระเถราจารย์ผู้มีตบะบารมีแก่กล้า  ทั้งพระเวทย์พุทธาคมก็เข้มขลังยิ่งนัก เล่ากันว่า เวลาคนเดินทางไปกราบท่าน และขอของดีจากท่าน  หลวงปู่ท่านจะหยิบจับของที่อยู่ใกล้ตัวให้  เช่นก้านธูป หัวไม้ขีด  และรากยา เป็นต้น   แต่ทว่าของที่ได้จากหลวงปู่สุขไป  ล้วนเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ทุกชิ้น  บังเกิดอิทธิปาฎิหาริย์มากมาย

Source : https://www.facebook.com/Legendknowledge888/